ผ้ายันต์อรหันต์ปราบนรก

คุณสมบัติสินค้า:

SKU : 202

Share


ผ้ายันต์อรหันต์ปราบนรก
--------------------------
ปัจจุบันเรามีปัญหาเกี่ยวกับโรคโควิด-19
มาเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว
และหาแนวทางในการป้องกันและแก้ไข
อย่างลงตัวไม่ได้ มันก็เลยทำให้
จำนวนตัวนับของผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิต
เพิ่มมากขึ้นทุกวัน จึงเป็นสิ่งที่ทุกคน
ควรระวังและป้องกันภัยเอาไว้
-------------------------
ในเรื่องศาสตร์ของความเชื่อ
เรื่องของโรคระบาด
ครั้งนี้ไม่ได้เกิดขึ้นมาเป็นครั้งแรก
โรคระบาดมีเกิดขึ้นในครบวงรอบ100 ปีเสมอ
แต่จะมาท้าวความเกี่ยวกับเรื่อง
ความเชื่อกับโรคระบาด
โรคระบาดที่มีการบันทึกเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด
คือในสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ในยุคสมัยลพบุรี สมัยพระนารายณ์มหาราช
ได้เกิดโรคระบาดขึ้นอย่างหนัก
ซึ่งมีบันทึกอยู่ในจดหมายเหตุโบราณ
บันทึกในวรรณคดีต่างๆ รวมไปถึง
การบอกเล่าของบรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน
โรคระบาดที่เกิดขึ้นในสมัยลพบุรี
เป็นโรคระบาดที่คนเรียกว่า "โรคห่า"
โรคห่า ก็คือโรคที่ทำให้เกิดการตายกัน
เป็นจำนวนมาก ก็เหมือนห่าลง
(ห่า เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งซึ่งมีชีวิต
มันชื่อว่าห่าแต่ปัจจุบันมันสูญพันธ์ไปแล้ว)
-------------------------
เมื่อวันเวลาผ่านไป
ผนวกกับความเชื่อ ก็เชื่อว่า "ห่า" เป็นผี
หรือภูติผีวิญญาณ อสูร ประเภทหนึ่ง
ซึ่งมาทำให้การมีชีวิตอยู่ของคน
มีการเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดการเป็นโรคต่าง ๆ
ท้องร่วง ท้องเสีย หอบ ไอ ไข้ขึ้น ตัวร้อน
ตายแบบไม่มีเหตุผล รวมถึงการไหลตายด้วย
เพราะฉะนั้นถ้าเราจะเท้าความถึงโรคห่า
ซึ่งเป็นการป้องกัน แก้ไข
"โรคห่า" ในยุคนั้น
-------------------------
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
มียาตำหรับหนึ่งเรียกว่า "ยารักษาโรคห่า"
ในบันทึกของตำราฉบับนี้กล่าวถึง
"สำนักตักศิลา" ในสมัยสมเด็จ
พระนารายณ์มหาราช
เมืองตักศิลาสมัยก่อน
เป็นเมืองที่อยู่ในจังหวัดยะลา
สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ก็คือตำบลท่าสาป จังหวัดยะลา
ณ ปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ตั้งของ
วัดพระนอน ขนาดใหญ่ ก็คือ
วัดถ้ำคูหาภิมุข จังหวัดยะลา
-------------------------
สมัยนั้นบริเวณนี้ถูกเรียกว่าเมืองตักศิลา
เนื่องจากเป็นที่ ที่ผลิต
บุคคลที่มีความรู้ความสามารถ
หรือเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่
ซึ่งเป็นที่ ที่รวมตัวกันของ
ชุมชนชาวพราหมณ์ในสมัยอดีต
ณ บริเวณนี้ ในสมัยสมเด็จ
พระนารายณ์มหาราชก็จะมีการ
ส่งลูกหลาน คนมีฐานะ
คนมียศฐาบรรดาศักดิ์ต่าง ๆ
มาเรียนที่นี้ และด้วยการเดินทาง
เป็นการเดินทางที่ค่อนข้างใช้ระยะเวลา
ในการเดินทางนาน
ก็จะเดินทางมาเรียนกันเป็นคู่ ๆ
คือมาแบบพี่กับน้อง
มากับเจ้านายกับลูกน้อง
เหมือนเป็นพี่เลี้ยงกัน
ก็คือเป็นตักศิลาชุดแรก
ที่มีบันทึกอยู่ในสมัย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
-------------------------
ยาตำรับนี้ที่ใช้ในการรักษาโรคห่า
แน่นอนมาจากภาคใต้
เพราะฉะนั้นเราจะเห็นตัวยา
บางตัวเช่น "ส้มกุ้ง"
-------------------------
"ส้มกุ้ง" เป็นพืชชนิดหนึ่ง
พืชส้มกุ้งจะมีอยู่ภาคใต้เป็นจำนวนมาก
ลักษณะเป็นต้นขึ้นมา
และจะมีเขี้ยว 2 ข้างประกบกัน
บางคนเรียก "ต้นขบเขี้ยว"
ยาในสำนักตักศิลาที่ใช้รักษาโรคห่า
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ก็มียาที่เข้าตัวส้มกุ้ง
ชื่อ "ส้มกุ้ง" มันชัดเจน
เป็นสัตว์ของมลายูโบราณ
มาจากภาคใต้ ยืนยันได้เลยว่าสำนักตักศิลา
ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
คือที่นี่แน่นอน
-------------------------
สมัยก่อนเป็น "ห่ากินไส้"
ที่ทำให้ท้องเสีย
แต่ปัจจุบันเป็น "ห่ากินปอด"
ที่ทำลายปอด
ห่ากินปอดเพิ่งมีในยุคนี้
ที่เป็นห่ากินปอดขึ้นมา
-------------------------
แต่...อาจารย์จะมาท้าวความ
ถึงเรื่องเมืองตักศิลา
ในสมัยนั้นมีทั้งตำรับยาที่ว่าด้วย
เรื่องสมุนไพร และความเชื่อ
ในเชิงไสยศาสตร์
สำนักตักศิลามีวัตถุเวทย์หรือ
วัตถุอาถรรพ์ประเภทหนึ่ง
ซึ่งสร้างขึ้นมาเพื่อเอาไว้ใช้
สำหรับระงับโรคห่า หรือปราบห่า
ในยุคนั้นโดยเฉพาะ
โดยไม่สนใจว่าเป็นห่าอะไร
เพราะว่า "ห่า" เกิดจากวิญญาณชนิดหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นห่าอะไรก็มาจากวิญญาณ
หรือภูติผีปีศาจแน่นอน
-------------------------
เพราะนั้น
สิ่งที่น่าสนใจก็คือวัตถุเวทย์
หรือไสยเวทวิทยาคมที่ใช้กำจัดโรคห่า
มันน่าสนใจไม่ว่าห่าอะไรก็สามารถกำจัดได้
-------------------------
ถ้าเราจะท้าวความถึงเครื่องรางของขลัง
ในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
ซึ่งเก่ามาก และเก่าที่สุด
และได้ผลชงัก คือเครื่องรางของขลัง
ที่ผนวกเอา 2 ความเชื่อใน 2 ลักษณะ
มาอยู่ด้วยกัน
ก็คือเรารู้ว่า "ห่า" คือวิญญาณ
ภูติผีปีศาจแพ้อะไร แพ้ "ท้าวเวสสุวรรณ"
-------------------------
เพราะฉะนั้น..."ท้าวเวสสุวรรณ"
มีหน้าที่ปราบภูติผีปีศาจโดยตรง
แต่ภูติผีปีศาจ "ห่า" เขาบอกเลยว่า
"ห่า" มันมาจากนรก
เพราะฉะนั้นภูติผีปีศาจที่มาจากนรก
มีทั้งความแค้น ความอาฆาต
ความพยาบาทและต้องการ
หาตัวเป็นตัวตายเพื่อไปแทนตัวมัน
นี่คือเหตุผลที่ว่า
ทำไมห่าถึงระบาดถึง 100 ปี
ตามความเชื่อของสำนักตักศิลาเมืองปักคู่
ในยุคสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เขาบอกว่า "ห่า" จะเกิดขึ้นทุก 100 ปี
เนื่องจากนรกจะเปิดทุก 100 ปี
ตามบันทึกของสำนักตักศิลา
ห่าเกิดจากวิญญาณที่มาจากนรก
เพราะฉะนั้น
ท้าวเวสสุวรรณธรรมดาเอาไม่อยู่
เพราะห่ามาจากนรก
-------------------------
แต่..
มีเปรต สัตว์นรก อสูรกาย
ที่อยู่ในนรกภูมิ ที่มันหลุดลอดขึ้นมา
จากการครบรอบ 100 ปี
มันไม่สนใจท้าวเวสสุวรรณเท่าไหร่
เพราะมันมีกำลังอำนาจสูงมาก
สำนักตักศิลาในยุคนั้น
เป็นผู้ช่ำชองในพระเวท วิทยาคม
รวมถึงกรรมฐาน การเข้าสู่วาระจิต
และวิญญาณทั้งหลาย
เขาได้มองเห็นถึงคุณวิเศษของ
อรหันต์คู่หนึ่งซึ่งเคยลงไป
โปรดเปรตในนรกมาแล้ว ก็คือ
"พระมาลัย" เป็นผู้ไปโปรดเปรต
-------------------------
แต่..
พระอรหันต์ที่ปราบห่า
ที่เขาบันทึกไว้กลับเป็น "พระโมคคัลลานะ"
เพราะท่านเป็นผู้ที่มีฤทธิ์มาก
คนที่สามารถดับไฟนรก
มีพระโมคคัลลานะคนเดียวตามพุทธประวัติ
เพราะ พระมาลัย เป็นผู้ที่แค่ลงไป
โปรดสัพสัตว์ในนรกทั้งหลาย
-------------------------
แต่..
คนที่ไปดับความทุกข์ร้อน
ให้กับพวกอสูรกายที่อยู่ในนรกกับเป็น
"พระโมคคัลลานะ"
สามารถลงไปดับไฟในนรก
ไฟนรกเขาเรียก ไฟบรรลัยกัน
ที่มีความร้อนแรงมากไม่มีใครดับได้
แต่ด้วยบุญฤทธิ์แห่งพระโมคคัลลานะ
ก็ทำการดับไฟในนรกภูมิได้
-------------------------
เพราะฉะนั้น..
ในสมัยอดีตจากการบันทึกของตักศิลา
เขาบอกว่า "มหายันต์แห่งการระงับโรคห่า"
ก็คือ "ยันต์แห่งพระอรหันต์
ผู้มีฤทธิ์กับมหาราชแห่งท้าวเวสสุวรรณ"
ในยุคนั้นก็มีการเขียนยันต์
โดยพราหมณ์ผู้รู้เป็น
"ยันต์พระโมคคัลลานะกับ
พระยาท้าวเวสสุวรรณ"
ติดทั่ว 4 มุมเมือง และอารามบ้านเรือน
จึงทำให้ "ห่า" กลับไปอยู่ในนรกเหมือนเดิม
-------------------------
ด้วยอิทธิฤทธิ์แห่งพระโมคคัลลานะ
และทำให้ "ห่า" หายไปจากบ้านเรือนต่าง ๆ
รวมถึงยังพิทักษ์รักษาและป้องกัน
ไม่ให้เกิดโรคห่า และวิญญาณร้าย
เข้ามากวนได้
-------------------------
วัตถุมงคลที่นำมาออกในวันนี้
เพื่อให้ตรงกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ในการนำความรู้ตั้งแต่สมัยอดีตจนถึงปัจจุบัน
เพื่อนำมาให้คนรู้และเข้าใจและ
นำมาใช้ในเรื่องของเชิงความเชื่อ
-------------------------
วัตถุมงคลวันนี้..
ผ้ายันต์ คือ "ยันต์พระโมคคัลลานะ
กับพระยาท้าวเวสสุวรรณ"
ล้อมรอบด้วยคาถาพุทธคุณแห่ง
พระพุทธเจ้าแห่งการปราบทั้ง 8 ประการ
ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพระพุทธเจ้า
รวมถึงเป็นหัวใจของ
ท้าวเวสสุวรรณกับพระโมคคัลลานะด้วย
-------------------------
ผ้ายันต์..
สร้างมาโดยตำราโบราณ
โดยอาจารย์แขก พร้อมกับ
วิธีการปลุกเสกตามตำราโบราณ
ของเมืองตักศิลาที่มีบันทึกดั้งเดิม
รวมถึงการนำเอา
อักขระเลขยันต์ที่เป็นคำสอน
แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสิทธัตถะโคตมะ
ที่มีบันทึกอยู่และก็มีการบัญญัติไว้
ว่าด้วยเรื่องการปราบแห่งพระพุทธศาสนา
-------------------------
พระโมคคัลลานะไปดับไฟนรก
เพื่อทำให้อสูรกายเปรต
ได้รับทุกข์เวทนาน้อยหรือหายไป
เพราะฉะนั้นบุญแห่ง
พระโมคคัลลานะปราบนรกได้
-------------------------
ท้าวเวสสุวรรณท่านเป็นเจ้าแห่งทรัพย์
เจ้าแห่งภูติผีปีศาจ
ตัวท่านมีฤทธิ์มากมาย
รวมถึงเป็นเทพแห่งโชคลาภมหาสมบัติ
-------------------------
พุทธคุณ..
ในเรื่อง โชคลาภ เมตตา คงกระพันธ์
แคล้วคลาด มหาอำนาจ ปราบศัตรู
รวมถึงปราบ "ห่า" โดยตรง
ตามตำราโบราณ
-------------------------
วิธีการใช้ผ้ายันต์
ในสมัยอดีตเขาจะมาติดในบริเวณบ้าน
หันหน้าออก (ไม่จำเป็นว่าอยู่ตรงไหน)
และนำมาพกติดตัวได้
-------------------------
คาถา
อิติปิ โส ภะคะวา กุมภัณฑ์ ยักษา โมคคัลลายันติ
(ไม่ต้องขึ้น นะโม 3 จบ หรือจะขึ้น
ก็ได้แล้วแต่ความสะดวก)
อันนี้เป็นคาถาที่มีบันทึกมาตั้งแต่สมัยอดีต
-------------------------
(ถ้าไม่มีผ้ายันต์ต้องการใช้แต่คาถาได้ไหม
ถ้าคุณมั่นใจว่าเป็นคนที่มีศีลบริสุทธิ์
เป็นคนที่มีสมาธิจิตดี เป็นคนที่คิดดี
ไฝ่ดีอยู่เสมอ โดยไม่มีช่องว่างแห่งจิต
ไปในทางคิดร้าย
เฉพาะคาถาธรรมดาโดยไม่มีผ้ายันต์ก็ใช้ได้)
-------------------------
ที่ผ่านมาไม่มีใครเคยพูดถึง
พระโมคคัลลากับท้าวเวสสุวรรณ
ถือเป็นข้อดีของสมาชิกรายการมันตระสยาม
ซึ่งได้ศาสตร์ความเชื่อในสมัยอดีต
มาใช้ในยุคปัจจุบัน
-------------------------
ผ้ายันต์ผ่านพิธีไหว้ครู
ผ่านพิธีเสกด้วยตัวอาจารย์แขก
และผ่านพิธีใช้พลังงานหยาง
ในระบบของวิชาเหมาซานลงไปในผ้ายันต์ทุกผืน
-------------------------
ผ้ายันต์จะช่วยเป็นขวัญและกำลังใจ
ให้กับสมาชิกรายการมันตระสยาม
รวมถึงสามารถนำไปดับยุคเข็ญแห่งยุคนี้ได้
-------------------------------
ร้านมีตังค์สงขลา
วัตถุมงคล อ.แขก รือเสาะ
Line ID : @meetangsongkhla
คลิ๊กลิ้งค์ด้านล่างได้เลยคะ
https://lin.ee/1TKMBgc
แอดแล้วทักเข้ามาสอบถามได้คะ
โน้ตยินดีให้บริการทุกท่านค่ะ
โทร. 089-462-0910

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้